วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ข้อคิดสำหรับผู้ประกอบการ

    อ่านแล้วชอบมาก
ข้อคิดชีวิต จะได้เข้มงวดกับ
ตัวเอง แต่ไม่แล้งน้ำใจต่อ
ผู้อื่น" ......
          * * * * *
CEO คุณก่อศักดิ์ CP7-11 8
  :ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
เมื่อได้ทราบข่าวว่า พนักงาน
ของเราบางคน มื่อได้รับสิทธิ
เป็นแฟรนไชส์ร้านเซเว่นฯ
แล้วก็เริ่มเสียผู้เสียคน เนื่อง
จากมีเวลาเพิ่มขึ้นและมีราย
ได้มากขึ้น  บางคนลุ่มหลง
การพนัน   บางคนเมื่อมี
เครดิตดีขึ้น ก็จับจ่ายใช้สอย
อย่างฟุ่มเฟือย  ด้วยบัตร
เครดิตสารพัดประเภท
จนมีหนี้สินรุงรังหาทางออก
ไม่เจอ...โอกาสดีที่บริษัทฯ
มอบให้กลับกลายเป็นโทษ
สำหรับพนักงานที่ขาดความ
ยั้งคิดปล่อยตัว  ไปตามกระ
แส กิเลสที่ไหลเชี่ยวอยู่
ในสังคม และจมดิ่งลึกลงไป
เรื่อย ๆไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นมา
เห็นเดือนเห็นตะวันได้อีก...
ผมหวนรำลึกถึงตัวเองใน
วัยเยาว์ ที่มีเงินติดกระเป๋า
เพียง 50 สตางค์  ซึ่งเพียง
พอแค่ซื้อน้ำหวานได้ 1แก้ว
แต่ผมก็เดินชมร้านรวงตาม
สองข้างทางถนนเยาวราช
อย่างมีความสุข  ไม่มีเงิน
พอซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ แต่
ก็สามารถเข้าไปเดินชม
'หนังแผ่นหรือภาพตัวอย่าง
จากภาพยนตร์ที่ติดอยู่ตาม
ผนังด้วยความสำราญใจ
เมื่ออายุยังน้อย ผมไม่
ค่อยได้เล่นของเล่นราคา
แพงๆ เหมือนเด็กคนอื่น
คุณพ่อจะให้เหตุผลว่า
ปืนคาวบอยสีสันแวววาวที่
ผมอยากได้หนึ่งกระบอก
ราคาพอๆ   กับค่ากับข้าว
หลายวัน ผมก็เห็นจริง
ตามนั้น จึงไม่กล้ารบเร้า
เซ้าซี้ต่อไป   โชคดีที่คุณพ่อ
ผมส่งเสริมเรื่องการอ่าน
ถ้าขอเงินไปเช่าหรือซื้อ
หนังสืออ่านเป็นไม่มีผิดหวัง
และเพราะนิสัยรักการอ่าน
นี่เอง ที่ทำให้ผมรู้จักโลก
กว้าง รู้จักชีวิต รู้จักคิดอย่าง
มีระบบและมีหลักการ รวม
ทั้งได้ความรู้ความสามารถ
ภาษาติดมาโดยไม่รู้ตัว
แม้ฐานะทางบ้านจะไม่ได้
ร่ำรวย แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึก
น้อยเนื้อต่ำใจ มีเพียงความ
มุ่งมั่น จะสร้างชีวิตที่มีคุณ
ค่า   ตั้งใจจะเรียนต่อสาย
อาชีพเพื่อจะได้รีบจบออก
มาทำงานช่วยแบ่งเบา
ภาระครอบครัว.....
เมื่อเรียนจบระดับ ปวช. ผม
ก็ลงทะเบียนเรียนภาคค่ำ
ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
กลางวันก็เข้าทำงานที่บริษัท
ยาแห่งหนึ่งของประเทศ
เยอรมัน ผมยังจำได้ดีว่า
ได้รับเงินเดือนเดือนแรก
1,500 บาท ถูกหักภาษี
70 บาท มอบเงินให้คุณแม่
1,100 บาท เหลือติดตัวไว้
ใช้เพียง 330 บาท ก็อิ่มอก
อิ่มใจ ไม่รู้สึกว่า ชีวิตขาด
แคลนอะไร..
ผมเริ่มเป็นหนี้ครั้งแรก ก็เมื่อ
ตัดสินใจซื้อบ้าน เพราะคงมี
น้อยคนนัก ที่จะสามารถซื้อ
บ้านได้ด้วยเงินสดๆ ทั้งก้อน
และถ้ารอจนกว่าจะเก็บเงิน
ได้ครบ  ราคาบ้านก็อาจวิ่ง
แซงไปจนตามซื้อไม่ทัน
แต่สำหรับเรื่องอื่น ผมไม่
เคยก่อหนี้เกินตัว ผมยังจดจำ
คำที่คุณพ่อ  พร่ำสอนมาตั้ง
แต่เด็กว่า ' ความไม่มีหนี้เป็น
ลาภอันประเสริฐ 'คนไม่มีหนี้
จะไม่ต้องคอยหลบหน้าใคร
ถึงเวลานอนก็หลับสบายไร้
ความกังวลผมจึงถือคติว่า
ยอมกินข้าวคลุกเกลือเปล่าๆ
ยังดีกว่า เสียศักดิ์ศรียืมเงิน
คนอื่น   ไปซื้อผักปลามา
เป็นกับข้าว.....
มีอยู่คราวหนึ่งเมื่อยังเรียน
ชั้นประถมศึกษา  ทางโรง
เรียนพาไปเข้าแคมป์ลูกเสือ
ที่หัวหินผมมีเงินติดตัวไป
เพียง10 บาท เพราะเกรงใจ
ไม่กล้าขอคุณพ่อมากกว่านี้ 
ระหว่างที่เข้าค่าย  ก็ซื้อขนม
กินจนเงินหมด    เมื่อถึงวัน
กลับ  หลังจากทานข้าวเช้า
แล้ว  ก็ขึ้นรถรอนแรมเดิน
ทางกลับกรุงเทพฯ  สมัยนั้น
ยังไม่มีถนนธนบุรี-ปากท่อ
หรือถนนพระราม 2 อย่าง
ในปัจจุบันต้องไปอ้อมผ่าน
นครปฐม ถนนหนทางก็ยัง
ไม่ดี กว่าจะถึงโรงเรียนที่
กรุงเทพฯ ก็บ่ายแก่ๆผมไม่มี
เงินเหลือซื้ออาหารกลางวัน
และไม่มีค่ารถกลับบ้าน
แต่ผมก็ไม่เอ่ยปากหยิบยืม
จากเพื่อนหรือคุณครู ยืดอก
สูดลมหายใจ แล้วก็เดินเท้า
กลับบ้านด้วยความสงบ
ผมเข้มงวดกับตัวเอง แต่
ไม่ได้แห้งแล้งน้ำใจต่อผู้อื่น
มีเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ธรรม
ศาสตร์ ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม
ตอนนั้นผมทำงานมีรายได้
แล้ว ก็ให้เขาหยิบยืมไปลง
ทะเบียน   แต่ปรากฏว่าจน
กระทั่งบัดนี้ เขาก็ไม่เคยนำ
เงินมาใช้คืน.....ผมจึงอยาก
ให้เรื่องนี้เป็นอุทธาหรณ์
แก่พวกเราทุกคนว่า...
อย่ามีน้ำใจจนตัวเองเดือด
ร้อน   อย่าให้ใครหยิบยืม
เงินจนเกินกำลัง    และที่
สำคัญที่สุด .!  
อย่าไปค้ำประกันให้ใคร
เพราะถ้าเราให้ใครยืมเงิน
แล้วเขาไม่ใช้คืน ก็แค่หนี้
สูญ แต่ถ้าเราไปค้ำประกัน
ใคร แล้วเขาหนีไป เราก็ต้อง
กลายเป็นลูกหนี้ในจำนวน
เงินที่เราอาจจะรับไม่ไหว
ต้องทุกข์  กายทุกข์ใจ
ไม่สิ้นสุด ...!   พนักงาน
ของเราที่อยู่วัยหนุ่มสาว
กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว
ต้องฝึกวินัยให้หัวใจตัวเอง  
ต้องรู้จักอดทนรอคอย
อย่าใจเร็วด่วนได้ เอาเงิน
ในอนาคตมาใช้จนหมด 
ในปัจจุบันค่านิยมของ
สังคมไทยที่ไม่ดีก็คือ
นิสัยขี้โอ่ โอ้อวด  ทำให้
ต้องมีรายจ่ายเกินฐานะ
เพื่อพยุงภาพของเกียรติยศ
จอมปลอมเอาไว้ ทั้งๆ ที่
เกียรติยศที่แท้จริงคือการ
สร้างเกียรติคุณให้แก่ชีวิต
โดยการสร้างสรรค์ประ
โยชน์ให้แก่โลกใบนี้   ไม่ใช่
อยู่ที่ขับรถยี่ห้ออะไร หรือ
ใช้กระเป๋าใบละเป็นหมื่น
เป็นแสน  ความสุขที่แท้จริง
อยู่ที่ใจ    ไม่ได้อยู่ที่วัตถุ 
เพราะ  คนที่ร่ำรวยจน
สามารถ ซื้อเตียงทองคำ
ฝังเพชร ก็ไม่อาจซื้อการ
นอนหลับอย่างเป็นสุขได้ !
อย่าเป็นหนี้ แล้วเราจะหลับ
สบายได้ทุกคืน    แม้จะนอน
หลับบนพื้นไม้กระดาน
ธรรมดาก็ตาม !!
     ^^^^^^^^^^^^^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น